หัวฉีดล้างแอร์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่างแอร์มืออาชีพใช้กัน แต่จะเลือกยังไงให้แรง ประหยัดน้ำ และคุ้มค่าที่สุด? เครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการล้างแอร์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็น  วันนี้เรามาเจาะลึกเทคนิคการเลือกหัวฉีดล้างแอร์แบบมืออาชีพ พร้อมเคล็ดลับดีๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้!

1. ทำความรู้จัก “หัวฉีดล้างแอร์” คืออะไร?

หัวฉีดล้างแอร์ (Aircon Cleaning Nozzle) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อทำความสะอาดคอยล์เย็นและคอยล์ร้อนของเครื่องปรับอากาศ ช่วยขจัดคราบสกปรก ฝุ่น เชื้อรา และสิ่งอุดตันที่เกาะอยู่ตามครีบคอยล์

หัวฉีดล้างแอร์
หัวฉีด swing nozz

ประโยชน์ของหัว ฉีดล้างแอร์

  • ช่วยล้างแอร์ได้ลึกถึงคอยล์ด้านใน

  • ประหยัดเวลาและแรงงาน

  • ลดการใช้น้ำ compared to การล้างแบบธรรมดา

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นของแอร์

2. วิธีเลือก หัวฉีดล้างแอร์ให้แรงและประหยัด

2.1 เลือกประเภทหัวฉีดให้เหมาะกับการใช้งาน

หัวฉีดล้างแอร์มีหลายแบบ แต่ละแบบให้แรงดันและรูปแบบการฉีดต่างกัน เช่น:

  • หัวฉีดแบบพัด (Fan Nozzle) → กระจายน้ำเป็นวงกว้าง เหมาะสำหรับล้างฝุ่นทั่วไป

  • หัวฉีดแบบเจ็ท (Jet Nozzle) → ให้แรงดันสูง ใช้ล้างคราบสกปรกและสิ่งอุดตันหนักๆ

  • หัวฉีดแบบปรับได้ (Adjustable Nozzle) → ปรับแรงดันและมุมฉีดได้ตามต้องการ

แนะนำ: หากต้องการล้างแอร์บ้านทั่วไป ให้ใช้ หัวฉีดแบบพัดหรือปรับได้ แต่ถ้าต้องการล้างแอร์ที่สกปรกมากหรือแอร์ขนาดใหญ่ ควรเลือก หัวฉีดแบบเจ็ท

2.2 ดูที่วัสดุและความทนทาน

  • พลาสติกเกรดดี → น้ำหนักเบา ราคาประหยัด แต่ไม่ทนทานเท่าโลหะ

  • สแตนเลสหรือทองเหลือง → ทนแรงดันสูง ใช้งานได้นาน แต่ราคาสูงกว่า

เคล็ดลับ: หากใช้งานบ่อย ควรเลือกหัวฉีดโลหะเพื่อความทนทาน

2.3 เช็คแรงดันน้ำที่เหมาะสม

  • แรงดันน้ำที่เหมาะสำหรับล้างแอร์อยู่ที่ 500-1,500 PSI

  • หัวฉีดแรงดันสูงเกินไปอาจทำลายครีบคอยล์ได้

2.4 เลือกขนาดหัวฉีดให้เหมาะสม

  • ขนาด 0.5-1.5 มม. เหมาะสำหรับล้างแอร์บ้าน

  • ขนาดใหญ่กว่าใช้กับแอร์กลางหรือระบบอุตสาหกรรม

3. เทคนิคการใช้ หัวฉีดล้างแอร์ให้ประสิทธิภาพสูงสุด

3.1 ฉีดน้ำในมุมที่ถูกต้อง

  • ควรฉีดน้ำ ตั้งฉากกับครีบคอยล์ เพื่อไม่ให้ครีบบิดเสียหาย

  • ฉีดจากด้านบนลงล่างเพื่อไล่ฝุ่นออกง่าย

3.2 ควบคุมระยะห่างระหว่างหัวฉีดกับคอยล์

  • ระยะห่างที่เหมาะสมคือ 20-30 ซม.

  • ระยะใกล้เกินไปอาจทำลายครีบคอยล์

3.3 ใช้น้ำยาล้างแอร์ร่วมด้วย

  • ใช้น้ำยาล้างแอร์ผสมน้ำก่อนฉีดเพื่อขจัดคราบมันและเชื้อรา

  • ล้างน้ำเปล่าตามเพื่อป้องกันการตกค้างของสารเคมี

4. หัวฉีดล้างแอร์ ยี่ห้อไหนดี?

4.1 หัวฉีดราคาประหยัด (200-500 บาท)

4.2 หัวฉีดระดับมืออาชีพ (500-1,500 บาท)

5. สรุป: เลือก หัวฉีดล้างแอร์ยังไงให้คุ้มค่า

  • เลือกประเภทหัวฉีดให้เหมาะกับงาน (พัด, เจ็ท, ปรับได้)

  • วัสดุต้องทนทาน (พลาสติกเกรดดีหรือโลหะ)

  • แรงดันน้ำเหมาะสม (500-1,500 PSI)

  • ใช้ร่วมกับน้ำยาล้างแอร์ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

หากเลือกหัวฉีดล้างแอร์ได้เหมาะสม จะช่วยให้ ล้างแอร์ได้สะอาดลึก แรง ประหยัดน้ำ และยืดอายุเครื่องปรับอากาศ ได้ยาวนานขึ้น!