เลือก BTU แอร์ ให้ถูกใจ ไม่ต้องปวดหัวค่าไฟเกินจริง
เคยไหมที่รู้สึกว่า แอร์ไม่เย็นฉ่ำ อย่างที่คิด หรือบางทีก็เย็นเกินไปจนเปลืองไฟ? ปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดจากการ เลือกขนาด BTU แอร์ ไม่เหมาะสมกับห้อง ครับ เพราะการเลือก BTU แอร์ให้ “พอดี” กับขนาดห้องและปัจจัยอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลย ไม่ใช่แค่เรื่องความเย็นสบายเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงกับค่าไฟในแต่ละเดือน และอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาเจาะลึกเรื่อง BTU แอร์ ตั้งแต่ความหมาย ไปจนถึง วิธีคำนวณ BTU แอร์ที่ถูกต้อง และปัจจัยสำคัญที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อแอร์ตัวใหม่ เพื่อให้คุณได้แอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน เย็นสบายเต็มประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ ประหยัดพลังงาน ได้อย่างแท้จริง รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะเข้าใจเรื่อง BTU แอร์ได้กระจ่าง และเลือกแอร์ได้แบบมือโปรแน่นอนครับ
BTU คืออะไร? ทำไมต้องสนใจ?
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับคำว่า BTU (British Thermal Unit) กันก่อน BTU คือหน่วยวัดปริมาณความร้อนที่ใช้ในการกำหนดขนาดและประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาฟาเรนไฮต์
สำหรับแอร์ ยิ่งค่า BTU สูง หมายถึงแอร์สามารถดึงความร้อนออกจากห้องได้มากขึ้น และทำความเย็นได้เร็วขึ้นนั่นเองครับ การเลือก BTU ให้เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญ เพราะ:
- ถ้า BTU ต่ำไป: แอร์ต้องทำงานหนักตลอดเวลาเพื่อพยายามทำความเย็นให้ได้ตามที่ตั้งไว้ ส่งผลให้กินไฟมากกว่าปกติ แอร์เสื่อมเร็ว และห้องก็อาจจะไม่เย็นฉ่ำอย่างที่ต้องการ
- ถ้า BTU สูงไป: แอร์จะทำความเย็นได้เร็วเกินไป ทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เครื่องจะเปิด-ปิดบ่อย ซึ่งส่งผลให้แอร์กินไฟ เสื่อมสภาพเร็ว และยังทำให้ห้องมีความชื้นสูงกว่าปกติอีกด้วย
วิธีคำนวณ BTU แอร์เบื้องต้น: ง่ายกว่าที่คิด!
ไม่ต้องเป็นวิศวกรก็คำนวณ BTU แอร์เบื้องต้นเองได้ครับ โดยใช้สูตรคำนวณง่ายๆ ดังนี้:
สูตร: BTU = (พื้นที่ห้อง (ตารางเมตร) x ค่าตัวแปร)
มาดูวิธีคำนวณกันทีละขั้นตอน:
วัดขนาดพื้นที่ห้อง:
- ใช้สายวัด วัด ความกว้าง และ ความยาว ของห้องเป็นเมตร
- นำความกว้าง x ความยาว จะได้ พื้นที่ห้องเป็นตารางเมตร
- ตัวอย่าง: ห้องกว้าง 3 เมตร ยาว 4 เมตร = 3 x 4 = 12 ตารางเมตร
เลือก “ค่าตัวแปร” ให้เหมาะสม: ค่าตัวแปรนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานห้องและปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อความร้อนในห้อง ยิ่งห้องรับความร้อนมาก ค่าตัวแปรก็จะยิ่งสูงขึ้น

นำมาคำนวณ:
- ตัวอย่าง: หากห้องขนาด 12 ตารางเมตร เป็นห้องนอนที่โดนแดดไม่มาก เราอาจเลือกค่าตัวแปรที่ 750
- BTU = 12 ตารางเมตร x 750 = 9,000 BTU
- ดังนั้น สำหรับห้องนี้ แอร์ขนาดประมาณ 9,000 BTU จะเหมาะสมที่สุดครับ
ตาราง BTU แอร์โดยประมาณสำหรับขนาดห้องต่างๆ:
หมายเหตุ: ตารางนี้เป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อความแม่นยำสูงสุด
ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือก BTU แอร์
นอกจากการคำนวณพื้นที่ห้องแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อภาระการทำงานของแอร์ ซึ่งคุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดครับ
ทิศทางของห้องและแสงแดด:
- ห้องที่โดนแดดจัดตลอดวัน (โดยเฉพาะทิศตะวันตก): ห้องจะสะสมความร้อนมากเป็นพิเศษ ควรเพิ่ม BTU ขึ้นประมาณ 5-10% หรือเลือกใช้ค่าตัวแปรที่สูงขึ้นในการคำนวณ
- ห้องที่ไม่โดนแดดเลย หรือโดนแดดน้อย: สามารถใช้ BTU ตามที่คำนวณได้ หรืออาจลดลงเล็กน้อยหากต้องการประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ
จำนวนผู้อยู่อาศัยในห้อง:
- คนแต่ละคนจะปล่อยความร้อนออกมาสู่ห้อง การมีคนจำนวนมากในห้องเดียวกันจะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น
- โดยเฉลี่ย: เพิ่มประมาณ 600 BTU ต่อคน สำหรับผู้อยู่อาศัยที่เกิน 2 คนขึ้นไป
จำนวนและประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง:
- อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ตู้เย็น ล้วนปล่อยความร้อนออกมา
- หากห้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากหรือมีขนาดใหญ่ ควรเพิ่ม BTU แอร์ขึ้นเล็กน้อย
ประเภทของผนังและหลังคา:
- ผนังปูนเปลือย/อิฐมอญ: กักเก็บความร้อนได้ดี ห้องจะร้อนช้า แต่ก็คายความร้อนช้าเช่นกัน
- ผนังเบา/กระจก: ไม่กักเก็บความร้อน แต่แสงแดดผ่านเข้ามาได้มาก ทำให้ห้องร้อนเร็ว
- ฉนวนกันความร้อน: หากห้องมีฉนวนกันความร้อนที่ดี จะช่วยลดภาระของแอร์ได้มาก
ความสูงของเพดาน:
- ห้องที่มีเพดานสูง (เกิน 2.5 – 2.6 เมตร) จะมีปริมาตรอากาศมากกว่า ทำให้แอร์ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการทำความเย็น ควรเพิ่ม BTU ขึ้นเล็กน้อย
จำนวนและขนาดของประตู-หน้าต่าง:
- ช่องเปิดเยอะ ยิ่งมีการรั่วไหลของอากาศและความร้อนเข้า-ออกห้องได้ง่าย ควรพิจารณาเรื่องการปิดกั้นช่องว่างให้สนิท
สรุป: เลือก BTU แอร์ให้ฉลาด ประหยัดยาวๆ!
การ เลือกขนาด BTU แอร์ ที่เหมาะสมกับห้องไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ต้องอาศัยการพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ทั้งขนาดห้อง ทิศทางแดด จำนวนคน และเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง เมื่อคุณคำนวณและพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว คุณจะมั่นใจได้ว่าได้แอร์ที่ขนาดพอดี ไม่เล็กไปไม่ใหญ่ไป ทำให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เย็นสบาย ไม่เปลืองค่าไฟ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาวอย่างแน่นอนครับ!



