ล้างแอร์ที่ถอดถาดน้ำทิ้งไม่ได้ ด้วยตัวเอง
คุณกำลังเผชิญกับปัญหาแอร์ไม่เย็นฉ่ำ มีกลิ่นอับชื้น หรือมีน้ำหยดกวนใจอยู่ใช่ไหมครับ?
ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่าแอร์ของคุณถึงเวลาต้องได้รับการทำความสะอาดครั้งใหญ่แล้ว แต่ถ้าแอร์ที่บ้านของคุณเป็นรุ่นที่ออกแบบมาให้ถอดถาดน้ำทิ้งไม่ได้ ล้างแอร์ที่ถอดถาดน้ำทิ้งไม่ได้ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป! บทความนี้ได้รวบรวมเทคนิคและขั้นตอนการล้างแอร์ด้วยตัวเองอย่างละเอียด ครบทุกซอกมุม ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย รับรองว่าคุณจะสามารถทำความสะอาดแอร์ให้กลับมาเย็นฉ่ำและสะอาดเหมือนใหม่ได้แน่นอน
ขั้นตอนที่ 1: การเตรียมอุปกรณ์และการถอดชิ้นส่วนอย่างถูกวิธี
ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือทำความสะอาดแอร์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมทั้งอุปกรณ์และตัวคุณเอง เพื่อให้การล้างแอร์เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
อุปกรณ์ที่จำเป็น:
- เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง: สำหรับฉีดล้างทำความสะอาดคอยล์เย็นและพัดลม
- หัวฉีดแบบงอพิเศษ: ช่วยให้เข้าถึงซอกมุมที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น ถาดน้ำทิ้ง
- ไขควงชุด: สำหรับถอดสกรูและชิ้นส่วนต่างๆ
- ถุงคลุมแอร์: ป้องกันน้ำกระเด็นเปียกผนังและพื้น
- พลาสติกหรือถุงพลาสติก: สำหรับห่อหุ้มแผงวงจรและอุปกรณ์ไฟฟ้า
- ผ้าสะอาดหรือเครื่องเป่าลม: สำหรับเช็ดหรือเป่าให้แห้งสนิท
ขั้นตอนการถอดชิ้นส่วน:
- ปิดเบรกเกอร์ทันที: นี่คือขั้นตอนสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัย! ให้เดินไปที่ตู้ควบคุมและปิดเบรกเกอร์ของแอร์ก่อนที่จะเริ่มถอดชิ้นส่วนใดๆ
- ถอดฝาครอบและแผ่นกรองอากาศ: เปิดฝาครอบแอร์ด้านหน้าแล้วดึงแผ่นกรองอากาศ (ฟิลเตอร์) ออกมาทำความสะอาดก่อน
- ถอดบานสวิงและหน้ากาก: ค่อยๆ ถอดบานสวิงแอร์ และหน้ากากกรอบแอร์ด้านหน้า โดยต้องถอดสายไฟและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่เชื่อมต่ออยู่ด้วยความระมัดระวัง
- ถอดกล่องควบคุมและพัดลมแอร์: ถอดกล่องควบคุมไฟฟ้า และสายไฟทั้งหมด จากนั้นจึงค่อยถอดพัดลมแอร์ออกมา ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากแอร์รุ่นนี้ถาดน้ำทิ้งมักจะเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกับโครงแอร์ จึงต้องค่อยๆ ขันสกรูและนำพัดลมออกมาอย่างถูกวิธี
ขั้นตอนที่ 2: การทำความสะอาดอย่างล้ำลึก เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก
เมื่อถอดชิ้นส่วนหลักๆ ออกมาแล้ว ได้เวลาทำความสะอาดแบบเจาะลึกเพื่อกำจัดฝุ่น เชื้อรา และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่
- หุ้มป้องกันส่วนสำคัญด้วยพลาสติก: ก่อนเริ่มล้าง ให้ใช้พลาสติกห่อหุ้มบริเวณที่เป็นแผงวงจรและกล่องควบคุมให้มิดชิด เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำ
- ฉีดล้างคอยล์เย็น: ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างคอยล์เย็น ให้ทั่วถึงและทั่วบริเวณ โดยฉีดจากบนลงล่างอย่างเป็นระเบียบ
- ทำความสะอาดถาดน้ำทิ้งด้วยหัวฉีดพิเศษ: สำหรับแอร์รุ่นที่ถอดถาดน้ำทิ้งไม่ได้ ให้ใช้หัวฉีดแบบงอที่สามารถฉีดทำความสะอาดซอกมุมได้ ฉีดล้างทำความสะอาดถาดน้ำทิ้งทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อกำจัดเมือกและฝุ่นที่อุดตัน
- ฉีดล้างพัดลมแอร์: วางพัดลมแอร์ในที่ที่สะดวกแล้วใช้เครื่องฉีดน้ำล้างทำความสะอาดใบพัดทุกซี่ให้สะอาด
- เป่าลมให้แห้งสนิท: เมื่อล้างเสร็จแล้ว ควรใช้เครื่องเป่าลมเป่าไล่น้ำออกให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับในอนาคต
ขั้นตอนที่ 3: การประกอบชิ้นส่วนกลับอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อทุกชิ้นส่วนแห้งสนิทแล้ว ให้ค่อยๆ ประกอบกลับเข้าที่ตามลำดับย้อนกลับของการถอด เพื่อให้แอร์พร้อมใช้งานอีกครั้ง
- ประกอบพัดลมและมอเตอร์: ใส่พัดลมและมอเตอร์กลับเข้าที่ก่อน และขันสกรูยึดให้แน่นหนา
- ใส่กล่องควบคุมและหน้ากาก: ติดตั้งกล่องควบคุม และหน้ากากแอร์ กลับเข้าที่เดิม
- ใส่ฟิลเตอร์และบานสวิง: ใส่แผ่นกรองอากาศที่ทำความสะอาดแล้ว และติดตั้งบานสวิง เป็นลำดับสุดท้าย
ขั้นตอนที่ 4: อย่าลืมทำความสะอาดคอยล์ร้อน (ตัวนอก) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
การทำความสะอาดคอยล์ร้อนก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้แอร์ระบายความร้อนได้ดีขึ้นและประหยัดพลังงาน
- การถอด: ถอดเฉพาะหน้ากากของคอยล์ร้อน โดยไม่ต้องถอดพัดลมหากทำได้ยาก
- หุ้มและฉีดล้าง: ห่อหุ้มแผงวงจรและมอเตอร์ด้วยพลาสติก จากนั้นใช้เครื่องฉีดน้ำล้างทำความสะอาด โดยฉีดจากด้านในออกด้านนอก
- เป่าและประกอบกลับ: เป่าให้แห้งและประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าที่
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถดูแลรักษาแอร์ที่บ้านได้อย่างมืออาชีพ ประหยัดค่าใช้จ่าย และยังช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ให้ยาวนานขึ้นอีกด้วยครับ
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำความสะอาดแอร์ หรือปัญหาอื่นๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะครับ
สามารถดูคลิปเต็มๆได้ที่นี่