ล้างแอร์ช่วยประหยัดไฟ จริงไหม? รู้แล้วจ่ายน้อยลงแน่!
สวัสดีครับเพื่อนๆ! ช่วงนี้บิลค่าไฟมาทีไร ทำเอาหลายคนต้องร้อง “โอ้โห!” กันเลยใช่ไหมครับ? หนึ่งในสาเหตุที่หลายคนมองข้ามไป แต่ส่งผลต่อค่าไฟแบบเงียบๆ ก็คือ “แอร์” เพื่อนซี้คลายร้อนของเรานี่เอง วันนี้ผมจะมาชวนคุยในหัวข้อที่น่าสนใจมากๆ ว่า “การ ล้างแอร์ช่วยประหยัดไฟจริงไหม ?” และ “การไม่ล้างแอร์จะทำให้ค่าไฟของเราแพงขึ้นได้ยังไง?” ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลยครับ รับรองว่าอ่านจบแล้ว จะอยากหยิบคู่มือล้างแอร์ขึ้นมาทันที!
ล้างแอร์ช่วยประหยัดไฟ เรื่องจริงที่ไม่ควรมองข้าม!
เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมช่างแอร์ถึงแนะนำให้เราล้างแอร์เป็นประจำ? เหตุผลหลักๆ นอกเหนือจากเรื่องความสะอาดและสุขภาพที่ดีแล้ว ก็คือเรื่องของ การประหยัดพลังงาน นี่แหละครับ! ลองคิดภาพตามนะครับ เมื่อเรา ล้างแอร์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
- กำจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เกาะตามแผ่นกรองอากาศ: แผ่นกรองอากาศที่สะอาดจะช่วยให้อากาศไหลเวียนได้สะดวก ทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อดูดอากาศเข้าไปทำความเย็น เมื่อแอร์ทำงานได้คล่องตัวขึ้น ก็ใช้พลังงานน้อยลง ส่งผลให้ค่าไฟลดลงตามไปด้วยครับ
- ทำความสะอาดคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน: คราบฝุ่นและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนแผงคอยล์ทั้งสอง จะเป็นเหมือนฉนวนกันความร้อน ทำให้การแลกเปลี่ยนความร้อนเป็นไปได้ไม่ดีเท่าที่ควร แอร์จึงต้องทำงานหนักขึ้น ใช้เวลานานขึ้นในการทำความเย็นถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ซึ่งนั่นหมายถึงการใช้พลังงานที่มากขึ้นโดยใช่เหตุ แต่ถ้าเรา ล้างแอร์ คราบสกปรกเหล่านี้ออกไป แอร์ก็จะกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
- ลดภาระการทำงานของมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์: เมื่อแอร์ทำงานหนักขึ้น ส่วนประกอบต่างๆ เช่น มอเตอร์พัดลมและคอมเพรสเซอร์ ก็ต้องทำงานหนักตามไปด้วย การทำงานที่เกินกำลังเป็นเวลานานๆ ไม่เพียงแต่จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน แต่ยังส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแอร์อีกด้วย การ ล้างแอร์ ช่วยลดภาระเหล่านี้ ทำให้แอร์ทำงานได้ราบรื่นขึ้น
พูดง่ายๆ ก็คือ แอร์ที่สะอาด จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ต้องออกแรงเกินความจำเป็น ทำให้ใช้พลังงานน้อยลง และผลที่ตามมาก็คือค่าไฟที่ลดลงนั่นเองครับ!
ปล่อยปละละเลย ไม่ล้างแอร์…ระวังค่าไฟบานปลาย!
ในทางตรงกันข้าม หากเราละเลยการดูแลรักษาแอร์ ไม่ยอม ล้างแอร์ เป็นประจำ จะเกิดอะไรขึ้นกับค่าไฟของเราบ้าง? บอกเลยครับว่าผลเสียมีมากกว่าที่คิดแน่นอน
- แอร์ทำงานหนักขึ้น กินไฟมากขึ้น: อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วว่า ฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ จะขัดขวางการทำงานของแอร์ ทำให้แอร์ต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อที่จะทำความเย็นได้เท่าเดิม ลองนึกภาพว่าเหมือนเราหายใจไม่สะดวก แล้วต้องพยายามออกแรงมากกว่าปกติเพื่อหายใจเอาอากาศเข้าไป แอร์ก็รู้สึกแบบนั้นแหละครับ!
- ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง: ทั้งๆ ที่แอร์ทำงานหนักขึ้น แต่ความเย็นที่ได้กลับลดลง ทำให้เรารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ต้องลดอุณหภูมิลง หรือเปิดแอร์นานขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้แอร์ทำงานหนักและกินไฟมากขึ้นไปอีก เป็นวงจรที่ไม่จบไม่สิ้นเลยครับ
- อายุการใช้งานของแอร์สั้นลง: การที่แอร์ต้องทำงานหนักเกินกำลังอยู่ตลอดเวลา จะส่งผลให้ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องสึกหรอเร็วขึ้น และอาจทำให้แอร์เสียก่อนเวลาอันควร นอกจากจะต้องเสียเงินซ่อมแล้ว ยังต้องเสียเงินซื้อแอร์ใหม่เร็วกว่าที่คิดอีกด้วย
- เสี่ยงต่อสุขภาพ: นอกจากเรื่องค่าไฟแล้ว ฝุ่นและเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในแอร์ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาด ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วยนะครับ
เห็นไหมครับว่าการไม่ ล้างแอร์ ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เรื่องค่าไฟเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพและอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศของเราด้วย
ใส่ใจล้างแอร์ เพื่อบ้านเย็นสบาย กระเป๋าไม่ฉีก!
จากที่คุยกันมาทั้งหมด คงจะเห็นภาพกันชัดเจนแล้วนะครับว่า การล้างแอร์มีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงาน และการไม่ล้างแอร์ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าไฟของเราแพงขึ้นได้ เพราะฉะนั้น การดูแลรักษาแอร์ด้วยการล้างเป็นประจำ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
เพื่อนๆ ลองสำรวจดูนะครับว่าแอร์ที่บ้านของเราไม่ได้ล้างมานานแค่ไหนแล้ว ถ้าเกิน 6 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นไป แนะนำว่าควรรีบจัดการ ล้างแอร์ โดยด่วนเลยครับ จะเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาให้บริการ หรือถ้าใครพอมีความรู้ความสามารถก็สามารถล้างเองได้ (แต่ต้องศึกษาขั้นตอนและระมัดระวังด้วยนะครับ)
เริ่มต้นดูแลแอร์ตั้งแต่วันนี้ เพื่อบ้านที่เย็นสบาย แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟในระยะยาวได้อีกด้วยนะครับ!
บทความน่ารู้เพิ่มเติม